E-commerce คืออะไร? จำเป็นสำหรับ online marketing ไหม?
E-Commerce ย่อมาจาก Electronic Commerce คือ การทำธุรกิจ ซื้อขายสินค้า หรือทำโฆษณา ผ่านสื่ออิเลคทรอนิกส์ในเชิงพาณิชย์ โดยจะใช้ข้อความ ภาพ เสียง และคลิปวิดิโอเป็นสื่อกลางในการนำเสนอสินค้า ซึ่งการทำธุรกิจแบบ E-commerce นี้จะช่วยให้สินค้าของเราเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง และลูกค้าก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปซื้อถึงหน้าร้านเลย
ซึ่งเทรนด์ E-commerce นั้นมีมาตั้งแต่ช่วง 1990 แล้ว แต่เริ่มมาใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงปี 2012 ในยุคที่โซเชียลมีเดียเริ่มมีอิทธิพลกับผู้คนและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงปี 2019 ที่มีการระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนอยู่บ้านและ Work from home กันมากขึ้น E-commerce จึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม? เราจึงควรรู้และตามเทรนด์การตลาดให้ทันโลกว่าแต่เทรนด์ปีนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ขอนำเสนอ 6 ข้อหลักๆดังนี้
1. แก๊ง JSL มาแรงแซงทางโค้ง
JSL ย่อมาจาก JD Centra, Shopee, และ Lazada ซึ่งเป็น 3 แอป Marketplace ยอดฮิตที่ผู้ซื้อและผู้ขายนิยมใช้กันเป็นอย่างมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแอปที่เปรียบเสมือนตลาดใหญ่ในโลกออนไลน์ เพราะมีสินค้ามากมายชนิดที่ว่ามีตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อที่ต้องการสินค้าแต่ไม่รู้จะสั่งซื้อทางไหน และผู้ขายที่สามารถเปิดร้านในแอปเพื่อขยายธุรกิจของตนได้ฟรี เพราะแอปพลิเคชันเหล่านี้มีฐานผู้ใช้บริการมากมายอยู่แล้ว และยังไม่รวมแคมเปญต่างๆที่แต่ละแอปนำเสนอกันอย่างไม่มีใครยอมใครอีกด้วย
2. สงคราม Super App
หลังจากที่มีการระบาดของ COVID-19 ทำให้บริษัทต่างๆเริ่มปรับตัวตามเพื่อตอบสนองความต้องการ รวมทั้งขยายฟังก์ชันการใช้งานในแต่ละแอป ให้ครอบคลุมการใช้งานของผู้บริโภคมากที่สุด เช่น Grab ที่สามารถสั่งอาหาร ส่งของ ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต จองการเดินทางได้ในแอปเดียว หรือ Truemoney ที่มีทั้งเติมเงิน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ และซื้อกองทุนได้
3. Live-commerce สุดฮิต
เป็นอีกวิธีที่สามารถทำกำไรให้กับพ่อค้าแม่ค้าในยุคนี้ได้อย่างมากเลยทีเดียว โดยเห็นได้จากกรณีของ พิมรี่พาย ที่มีการไลฟ์ขายของต่างๆจนมียอดคนดูต่อไลฟ์ไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ต้องเป็นตัวของตัวเอง ไลฟ์อย่างสม่ำเสมอ กำหนดเวลาไลฟ์ชัดเจน ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้ไม่ยาก
4. O2O Marketing กำลังจะครองไทม์ไลน์
O2O หรือ Online to Offline คือโมเดลธุรกิจอีกรูปแบบ ที่มีการทำร้านค้า Online เพื่อมาเสริมการขายในหน้าร้าน Offline ซึ่งช่วยเพิ่มฐานลูกค้าและความน่าเชื่อถือให้ร้านได้มาก เพราะมีหน้าร้านที่ลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ด้วยตัวเอง และมีร้านออนไลน์ที่ตอบสนองต่อลูกค้าที่ไม่สะดวกมาซื้อที่หน้าร้าน ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ธุรกิจต่างๆก็เริ่มหันมาใช้โมเดลนี้กันมากขึ้นแล้ว
5. DTC จะยิ่งใหญ่ขึ้น
DTC / D2C หรือ Direct to Consumer คือโมเดลการตลาดที่ทางแบรนด์สร้างช่องทางการขายออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าโดยตรงโดยที่ไม่ต้องผ่าน คนกลาง (Middleman) ซึ่งช่วยลดต้นทุนและปิดการขายได้ง่ายมากขึ้น
6.Crypto commerce
เป็นการใช้สกุลเงินดิจิทัลร่วมกันกับการค้าขายในชีวิตจริง ซึ่งปกติสกุลเงินเหล่านี้จะใช้เพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้นและคริปโต/บิทคอยน์เท่านั้น แต่ระยะหลังเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น และมีการเปิดตัวโลกเสมือนจริง หรือ Metaverse ในหลายๆบริษัท ทำให้มีการวางโมเดลการตลาดไว้มากมาย เช่น การใช้เงินคริปโตในการซื้อของใช้ต่างๆโดยที่ไม่ต้องถอนเงินจริงมาใช้เลย ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว
เครดิตข้อมูล และ เนื้อหาดีๆ จาก
https://www.nebslymedia.com/blog-posts-th/ethrnd-e-commerce-pii-2022-mii-aairnaasnaicchbaang
โดยคุณ
Aom Chaiyajara ( Sales & Marketing Coordinator )
SANDALS WORLD
ศูนย์รวมงานรองเท้าแตะแบบ ART & CRAFT

Sandals School โรงเรียนสอนทำรองเท้าแตะแบบพื้นสำเร็จ เปิดให้บริการสอนทำรองเท้าแตะแบบพื้นสำเร็จ ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน
เราสร้างอาชีพสร้างแบรนด์ต่างๆออกสู่ตลาด พร้อมเป็นที่ปรึกษา และคอยแนะนำแบรนด์ต่างๆตลอดเส้นทางธุกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แบรนด์ต่างๆ สามารถรังสรรค์ผลงาน และ สินค้าที่ดี มีคุณภาพออกสู่ตลาด นำความสุขมาให้ผู้สวมใส่ และ ส่งออกขายทั่วโลก
ขอรับรายละเอียด